เปิดที่มาของโลงศพ กับวิวัฒนาการกว่าจะมาเป็นโลงศพทุกวันนี้

เชื่อหรือไม่ว่า ในสมัยก่อนเราไม่มีโลงศพใช้กันเหมือนทุกวันนี้ แล้วเคยสงสัยกันไหมคะว่าแล้วเขาเผาศพกันอย่างไร แล้วโลงศพมีกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ วันนี้โลงทานจะมาเปิดที่มาของโลงศพตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันกัน

เปิดประวัติศาสตร์โลงศพ

จุดเริ่มต้นของโลงศพ เราจะต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ 4,000 ปี ก่อนคริสตกาล ซึ่งคำว่าโลงศพ (Coffin) มาจากภาษากรีก “Kophinos” แปลว่าตะกร้า โดยมีที่มาจากการชาวซูเมอเรียนโบราณจะฝังคนตายลงในตะกร้าที่สานขึ้นจากกิ่งไม้เล็ก ๆ ถักกันเป็นเปียเพื่อความแข็งแรง ซึ่งแต่เดิมโลงศพชนิดนี้เกิดขึ้นจากความกลัวของผู้คนที่กลัวคนที่ตายไปแล้ว ฟังดูก็คล้าย ๆ กับบ้านเราเลยนะคะ ความกลัวที่ว่านี้มีมากจนเกิดมาตรการจัดการศพมากมายขึ้น ซึ่งก็เป็นความเชื่อเพื่อป้องกันไม่ให้คนที่ตายกลับมาหลอกหลอนได้ เช่น มีการมัดร่างกายและศีรษะติดกับเท้าของคนตาย เพื่อให้คนตายหาทางกลับบ้านไม่ถูก

ตะปูนับพันบรรจงตอกลงโลงในยุคแรก

ในยุคที่เริ่มมีการใช้โลง พวกเขาจะใช้ตะปูนับพันตอกลงยังโลงของคนตาย เรียกว่ามากกว่าที่พื้นที่โลงจะเอื้อด้วยซ้ำค่ะ เมื่อหย่อนโลงลงหลุมแล้ว เขาจะใช้ก้อนหินขนาดใหญ่วางบนฝาโลงแล้วจึงขุดดินกลบอีกที ซึ่งหินก้อนนี้เองจึงเป็นที่มาของ แผ่นหินเหนือหลุมฝังศพ  ในศาสนาคริสต์นั่นเอง

วิวัฒนาการโลงศพในประเทศไทย

กลับมาที่ประเทศไทยกันบ้างค่ะ จริง ๆ แล้วไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าเราเริ่มใช้โลงศพกันในยุคสมัยไหน แต่สมัยก่อนจะยังไม่มีการใช้โลงศพ มีเพียงการห่อศพด้ว

ทำบุญโลงศพ บริจาคโลงศพ
ทำบุญโลงศพ บริจาคโลงศพ

ทำบุญโลงศพ บริจาคโลงศพ
ทำบุญโลงศพ บริจาคโลงศพ

ยเสื่อแล้วนำไปพาดหรือค้างไว้ที่ต้นไทรหรือต้นไม้อื่น ๆ ในป่าช้า เราเรียกกันว่า “ทำศพค้าง” เพื่อให้ศพย่อยสลายไปเอง ซึ่งวัตถุประสงค์ของการทำคือการยืดเวลาจัดการศพเพราะอาจจะไม่มีเงินหรือเวลาที่จะจัดการศพ นั่นนับว่าเป็นศาสนาพุทธแบบดั้งเดิมเลยค่ะ ซึ่งในอินเดียและทิเบตก็มีการทำคล้าย ๆ กัน คือการนำศพไปไว้บนภูเขาสูง แล้วให้นกแร้งลงกินซากศพ

พอเวลาผ่านไป สังคมก็มีอารยธรรมมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดการอุจาดตาและลดการแพร่ของโรคระบาด จึงมีการนำศพใส่โลงกันมาถึงทุกวันนี้

หากใครหาโลงศพไม่ได้ โลงทานพร้อมบริการโลงศพและดำเนินการจัดการศพจนเสร็จสิ้นการฌาปนกิจให้อย่างไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ส่วนท่านใดสนใจจะร่วมบริจาคโลงศพให้ผู้ยากไร้ ก็ติดต่อทางเรามาได้เช่นกันค่ะ