โกศ : สัญลักษณ์แห่งความรำลึกของผู้ที่จากไป
สำหรับบางคนเมื่อเสร็จพิธีศพ มักจะนำกระดูกใส่ภาชนะที่เรียกว่า “โกศ” เพื่อที่จะนำไปลอยอังคารต่อไป หรือในบางคนเลือกที่จะเก็บกระดูกเอาไว้ในบ้าน ซึ่งประวัติของโกศก็มีมายาวนานเป็นพันปีแล้วค่ะ เราจึงจะพาไปเรียนรู้ประวัติความเป็นมา พร้อมไปดูกันว่าโกศมีกี่แบบ แตกต่างกันอย่างไร
ประวัติความเป็นมาของโกศ
ความเป็นมาของโกศมีมานานกว่า 2,500 ปี โดยจะเลือกใช้วัสดุดินเผาเป็นหลัก ซึ่งแต่เดิมจะไม่ใช่การเผา แล้วนำกระดูกมาใส่ แต่เป็นการนำร่างของมนุษย์ทั้งร่างใส่ลงในภาชนะแบบดินเผา จึงถูกเรียกว่าโกศบรรจุศพ พร้อมการใช้วิธีการที่คล้ายกับประเทศอียิปต์ โดยมีการใส่น้ำยาเพื่อให้ศพแห้งลง ไม่เน่าเปื่อย ไม่มีกลิ่นเหม็น ดังนั้น เมื่อใส่ศพลงสู่โกศแล้วจึงไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่น และศพยังสามารถอยู่ภายในโกศได้เป็นอย่างดี
พอเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์ ประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากศาสนาพราหมณ์ จึงปรับเปลี่ยนการฝังศพกับการใส่ศพไว้ภายในโกศ สู่การเป็นพิธีเผาศพแล้วนำกระดูกบรรจุลงสู่โกศ ซึ่งวัฒนธรรมนี้ถูกค้นพบมาตั้งแต่สมัยฅ
ทวารวดี
ประเภทของโกศ
โกศที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันจะมีด้วยกัน 7 แบบ ดังนี้
- โกศทองเหลือง
เป็นโกศที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ส่วนใหญ่จะออกแบบเป็นรูปทรงเจดีย์ โดยเชื่อว่าโทนสีทองเหมือนโทนสีจีวร จะทำให้ลูกหลานที่เก็บโกศไว้เจริญรุ่งเรือง
- โกศเบญจรงค์
เป็นอีกแบบที่ได้นำรับความนิยมไม่แพ้โกศทองเหลือง มีทั้งรูปแบบเจดีย์และผอบลายไทย
- โกศใส่กระดูกหินอ่อน
โกศแบบนี้มีคุณสมบัติพิเศษ คือมีความแข็งแรง ทนทานสูง ดูดี สมฐานะ อายุการใช้งานยาวนาน
- โกศอะคริลิค
เป็นโกศที่ให้ความแข็งแรงและทนทานสูง สามารถใช้งานได้ยาวนาน สีไม่เสื่อมง่าย ไม่ก่อให้เกิดคราบดำได้ง่าย
- โกศไม้สัก
โกศแบบคลาสสิค ที่นำไม้สักแท้มาแกะสลักลวดลายไทยแล้วทำเป็นทรงเจดีย์และทรงต่างๆ ตามแต่จะสั่ง
- โกศแก้ว
จะมีลักษณะแบบใสและมีการทำลวดลายออกมาสวยงามมาก พร้อมการลงยาและตกแต่งไปด้วยอัญมณีต่างๆ รอบโกศ มีการทำฝาเป็นทรงเจดีย์และทรงต่างๆ
- โกศพลาสติก
เป็นทางเลือกของผู้ที่ต้องการโกศราคาไม่สูงมาก โดยจะเลือกใช้เป็นพลาสติกคุณภาพแล้วนำมาพ่นสีพร้อมการแกะสลักลวดลายให้คล้ายกับโกศแบบทองเหลือง
นอกจากโกศแล้ว สิ่งสำคัญในพิธีศพคือโลงศพค่ะ ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่จะจัดการกับสิ่งเหล่านี้ได้ โลงทานจึงอยากเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันบริจาคโลงศพ ทำบุญโลงศพเพื่อคนยากไร้ได้นำไปใช้ประโยชน์
